ความคืบหน้ากรณีมีการร้องเรียนต่อ นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ว่ามีกลุ่มนายทุนสมคบกับเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตนำเอา สค.1 หมู่ 2 ต.กมลา อ.กะทู้ บินมาออกโฉนดที่ดินบริเวณหมู่ 6 ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต รวม 2 แปลงกว่า 15 ไร่ มูลค่าราคาการซื้อขายกว่า 200 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินใต้โต๊ะเป็นจำนวนนับ 10 ล้านบาท จนกระทั่ง ผวจ.ภูเก็ต ได้เซ็นคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ตามข่าวที่ “อินไซด์ภูเก็ต” ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
กก.สรุป สค. บินชัดเจน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้าเท็จจริงกรณีการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบ ตามคำสั่งที่ 1973/2554 ลงวันที่ 6 กันยายน 2554 ที่มี นายวีระวัฒน์ จันทร์เพ็ญ รอง ผวจ.ภูเก็ต (ในขณะนั้น) เป็นประธาน ได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน และเรียพยานบุคคลต่างๆ มาให้ข้อมูล ข้อ เท็จจริง พร้อมทั้งลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพที่ดินแล้ว มีข้อสรุปว่า
"คณะกรรมการฯ พิจารณาจากเอกสารหลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 124 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2498 หมู่ 2 ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต และจากพยานบุคคล มีความเห็นว่า ส.ค.1 ที่นำมาขอออกโฉนดที่ดิน เลขที่ 14262 รายนางสาวจริน เอกา นั้น น่าจะไม่ตรงตามพื้นที่จริง"
ข้างเคียงไม่ตรงความจริง
นายขันตี ศิลปะ นายอำเภอกะทู้ ในฐานะคณะทำงาน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จากการตรวจสอบของคระกรรมการฯ พบว่ามีข้อพิรุธอยู่หลายประเด็น อาทิ จากเอกสาร ส.ค.1 เลขที่ 124 ระบุว่าอยู่ที่หมู่ 2 ต.กมลา แต่สภาพที่ตั้งที่ดินจริงกลับอยู่ที่หมู่ 6 ต.กมลา และจากการตรวจสอบหลักฐานทางทะเบียนหมู่ 6 ต.กมลานั้นแยกตัวออกมาจากหมู่ 3 ต.กมลา ส่วนหมู่ 2 ไม่เคยมีการแบ่งแยกหมู่บ้านแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ด้านทิศเหนือตามเอกสาร ส.ค.1 เลขที่ 124 ระบุว่า จดที่นา นางหยี ยมมุดี แต่เมื่อลงไปดูพื้นที่จริงกลับปรากฏว่า ด้านทิศเหนือติดภูเขาสูงและลาดชัน ไม่มีสภาพของที่นาตามที่ระบุ เป็นต้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวทางคณะกรรมการฯ ได้มีข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยและเสนอ ผวจ.ภูเก็ต แล้ว
ผวจ.ส่งเรื่องถึงอธิบดีที่ดิน
นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราช การจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องดังกล่าวคณะกรรม การฯ ได้ทำข้อสรุปและรายงานมาให้ตนทราบแล้ว เท่าที่ทราบเชื่อว่า ส.ค.1 ที่นำมาออกโฉนดนั้นไม่น่าจะ ตรงกับสภาพที่ตั้งของที่ดิน โดยคณะกรรมการฯ ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารต่างๆ กว่า 160 หน้า และเสนอให้รายงานไปยังอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งตนได้ส่งเรื่องพร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆ ไปยังอธิบดีกรมที่ดินเรียบร้อยแล้ว ก็คงต้องรอการพิจารณาของกรมที่ดินว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
ผู้รู้ยัน ส.ค.1 บินชัวร์
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าว “อินไซด์ภูเก็ต” ได้เดินทางไปยังที่ตั้งของที่ดินดังกล่าวบริเวณหมู่ 6 ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เพื่อสอบถามข้อมูลจากผู้เฒ่าผู้แก่ในพื้นที่ถึงความเป็นมาเป็นไปในที่ดินแปลงดังกล่าว
แหล่งข่าวรายหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ได้นำผู้สื่อข่าวไปยังที่ดินที่ ระบุตามโฉนดของ นางสาวจริน เอกา โดยยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่าที่ดินบริเวณนี้เป็นควนเขาไม่มีที่นาแต่อย่างใด ซึ่งที่ดินแปลงนี้เดิมทีเป็น ของ นายพวย เอกา ที่ซื้อมาจากนายชง ยมมุดี มีเนื้อที่ไม่มากนัก แต่ได้มีการหักร้างถากพงเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยและทำสวน และต่อมาได้ยกให้เป็นมรดกแก่ นายบากะ เอกา บิดาของ นางสาวจริน เอกา โดยที่ดินแปลงดังกล่าวมิได้แจ้ง ส.ค.1 แต่อย่างใด หากจะ มีก็น่าจะเป็น ภบท.5 หรือใบเสียภาษีบำรุงท้องที่เท่านั้น
ยืนยันชัดข้างเคียงไม่ตรง
เมื่อผู้สื่อข่าวนำ ส.ค.1 เลขที่ 124 ที่นำมาใช้ในการออกโฉนดให้แหล่งข่าวดู ก็ได้รับการยืนยันว่า ไม่ใช่ ส.ค.1 ในบนิเวณนี้ เนื่องจาก ส.ค.1 เป็นของหมู่ 2 แต่ที่ดินบริเวณนี้เป็นหมู่ 6 และหมู่ 2 ไม่เคยแบ่งแยกหมู่บ้าน แต่หมู่ 6 แยกมาจากหมู่ 3 จึงไม่น่าเป็นไปได้
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ตาม ส.ค. 1 เลขที่ 124 ระบุทิศเหนือติดที่นา นางหยี ยมมุดี แหล่งข่าวรายดังกล้่าวก็ชี้ให้ดูว่า ไม่มีที่นา แต่เป็นภูเขา พร้อมทั้งระบุอีกว่า ทิศใต้ที่ระบุว่าติดสวน นายสวัสดิ์ เกื้อหนุน นั้นก็ไม่ตรงความเป็นจริง เพราะด้านทิศใต้ที่ปัจจุบันเป็นโรงแรมในเครือติลกกรุ๊ปนั้น เดิมทีเป็นของ นาย รอหมาด ดุมลักษณ์ มิใช่นายสวัสดิ์
จดทะเบียนขายหลบภาษี
จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่าที่ดินโฉนดแปลง เลขที่ 14262 เนื้อที่ 14 ไร่ 1 งาน 94.5 ตารางวา นั้นได้มีการจดทะเบียนซื้อขายเปลี่ยนมือจาก นางสาวจริน เอกา ไปเป็น นายศักดา ยุคุณธร อายุ 34 ปี ไปในราคา 16 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 แต่เมื่อตรวจสอบจากแหล่งข่าวรายหนึ่งกลับพบว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวได้มีการทำสัญญาขายฝากไว้ในราคา 65 ล้านบาท มิใช่ขายในราคา 16 ล้านตามที่ปรากฎในหลักฐาน แต่เพื่อเป็นการหลบเลี่ยงภาษี จึงได้มีการทำกันในลักษณะดังกล่าว แล้วมีการทำสัญญานอกกันไว้อีกฉบับ โดยการขายฝากดังกล่าวมีระยะเวลา 6 เดือน
แหล่งข่าวรายเดียวกันยังระบุอีกว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวได้มีการใช้เงินวิ่งเต้นออกโฉนดหลายล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอกู้จากธนาคารแห่งหนึ่ง และกำลังประกาศขายอยู่ในราคาไร่ละ 20 ล้านบาท
พบพิรุธระบุวันรับไม่ตรง
จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน พบว่า ที่ดินแปลงนี้มีการอ้างว่า นางสาวจริน เอกา ได้รับสิทธิครอบครองมาตั้ง แต่ 1 มกรา คม 2538 ถือครองมารวม 17 ปี ทำให้ไม่ต้องมีการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และมีการตกลงซื้อขายกันในราคา 16 ล้านบาทถ้วน โดยที่ดินดังกล่าวอยู่ในโซน 01 ซี หน่วย 4, 5 มีราคาประเมินตารางวาละ 2,700 บาท และ 1,000 บาทตามลำดับ รวมราคาประเมินทั้งแปลงเป็นเงิน ทั้งสิ้น 12,201,800 บาท
การจดทะเบียนขายครั้งนี้ นางสาวจริน เอกา ต้องจ่ายค่าภาษีรายได้บุคคลธรรมดาเป็นเงินรวม 750,185 บาท (รวมอากรแสตมป์) แต่เมื่อคำนวนภาษีหากมีการจดทะเบียนขายฝากตามข้อมูลที่แหล่งข่าวระบุ จำนวนเงิน 65 ล้าน จริง ก็จะทำให้รัฐขาดรายได้ไปเป็นจำนวนหลายแสนบาท
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวยังพบหลักฐานว่าที่ดินอีกแปลงหนึ่งคือ โฉนดที่ดินเลขที่ 14263 เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 19.6 ตารางวา ของ นางสาวจริน เอกา ที่ออกมาจาก ส.ค.1 เลขที่ 124 เช่นเดียวกันนั้น ปรากฎว่าได้มีการจดทะเบียนขายให้แก่ นาง สาวจิตติลักษณ์ ยั่งยืน อายุ 28 ปี ไปในราคา 1,900,000 บาท เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554 หลังวันออกโฉนดเพียงวันเดียว โดยในหนังสือบันทึกถ้อยคำการชำระภาษีอากร กลับระบุว่าที่ดินแปลงดังกล่าวนี้ นางสาวจริน เอกา ได้มาเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2520 ไม่ตรงกับการระบุการได้มาของโฉนดเลขที่ 14262 ทั้งๆ ที่ที่ดินสองแปลงนี้ได้มีการยื่นขอออกโฉนดในเวลาเดียวกันและจาก ส.ค.1 ใบเดียวกัน
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ยัง พบข้อพิรุธอีกว่า นางสาวจริน เอกา เกิดเมื่อเดือนธันวาคม 2516 การที่จะได้รับที่ดินมาตั้งแต่ปี 2520 ในขณะที่ตนอายุเพียง 3 ปี เศษนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
รวบรวมหลักฐานยื่นกมธ.
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในส่วนของทางจังหวัดภูเก็ตจะได้มีการสรุปการสอบสวนเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า โฉนดที่ดินเลขที่ 14262 และ 14263 เป็นการออกโฉนดจาก ส.ค.1 ที่ไม่ชอบและไม่ตรงกับความเป็นจริง หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเป็น “ส.ค.1 บิน” และได้ส่งเรื่องไปยังอธิบดีกรมที่ดินแล้วก็ตาม แต่ความเคลื่อนไหวในการเล่นแร่แปรธาตุของที่ดินแปลงดังกล่าวยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ในลักษณะของการเปลี่ยนมือ และกำลังจะเปลี่ยนไปอยู่ในความครอบครองของธนาคาร ซึ่งอาจเกิดผลเสียทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง หากมีการพิสูจน์ในเวลาต่อมาแล้วว่ามีความผิดต้องเพิกถอนโฉนดดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นเรื่องต่อหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เร่งดำเนินการตรวจสอบ และระงับการดำเนินการใดๆ ต่อที่ดินโฉนดทั้งสองแปลง เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลทั่วไปและสถาบันการเงิน ข่าวคืบหน้าจะนำมาเสนอต่อไป ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น